รู้จักโครงการฝึกอบรมช่างเสริมสวย ช่วยลูกค้าออกจากเหตุรุนแรงในครอบครัว

ความรุนแรงในครอบครัวคร่าชีวิตผู้หญิงในออสเตรเลีย 1 คนต่อสัปดาห์ และมีผลกระทบที่ไม่มีการพูดถึงในชุมชนวงกว้าง แต่บ่อยครั้งที่สิ่งนี้สังเกตยากและอาจเป็นเรื่องยากที่จะพูดถึง มีโครงการริเริ่มในออสเตรเลียที่กำลังฝึกให้ช่างทำผมทั่วประเทศสังเกตสัญญาณต่าง ๆ ของความรุนแรงในครอบครัว และส่งต่อความช่วยเหลือที่ลูกค้าต้องการได้

Jenni Tarrant, the owner of Canberra-based salon Bond Hair Religion, signed her staff up for the Hair-3Rs training.

Jenni Tarrant, the owner of Canberra-based salon Bond Hair Religion, signed her staff up for the Hair-3Rs training. Source: SBS

“คุณจะต้องประหลาดใจว่าลูกค้าพูดอะไรกับช่างทำผมบ้าง” แมนดี ฮัดสัน (Mandy Hudson) หัวหน้าวิทยากรจาก กิจกรรมเวิร์กช็อปครึ่งวันที่ช่วยช่างทำผมและช่างเสริมสวยให้ยื่นมือเข้าไปช่วยลูกค้าที่อาจพบเจอกับความรุนแรงในครอบครัวได้

“ฉันคิดว่าเพราะการมีใครสักคนทำให้คุณรู้สึกประทับใจ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้คนจึงแบ่งปันเรื่องราวที่เล่าให้คนอื่นฟังไม่ได้กับช่างทำผม อย่างเช่น ความรุนแรงในครอบครัว” คุณฮัดสันกล่าว

ช่างทำผมที่ไม่ได้ร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อปนี้ มักจะตอบรับกับการเปิดเผยเรื่องราวความรุนแรงในครอบครัว 2 แบบ คือเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่ก็บอกให้ลูกค้าหนีออกมาเลย ซึ่งทั้งสองอย่างไม่ช่วยอะไร

ดร.แฮนนา แม็กแคนน์ (Dr Hannah McCann) ได้ทำการวิจัยถึงบทบาทของคนทำงานในธุรกิจเสริมสวยที่มีต่อชีวิตทางอารมณ์ของลูกค้า

“หากใครสักคนเปิดใจเล่าว่าคู่ครองของพวกเขาใช้ความรุนแรง และช่างเสริมสวยก็ชักชวนให้พวกเขาหนีออกมา นั่นอันตรายมากสำหรับใครสักคนที่ทำสิ่งนั้นโดยไม่มีการสนับสนุนใด ๆ” ดร.แม็กแคนน์ กล่าว

โครงการ มีจุดหมาย 3 อย่างคือ ตระหนักถึงสัญญาณที่อาจเป็นความรุนแรงในครอบครัว (Recognise potential signs of family violence) ตอบสนองต่อการเปิดเผยของลูกค้า (Respond to a client’s disclosure) และส่งต่อไปยังบริการสังคมสงเคราะห์ที่เหมาะสม (Refer to an appropriate social service)
A slide from the Hair 3Rs workshop, courtesy of EDVOS.
ข้อมูลส่วนหนึ่งจากสไลด์ให้ความรู้ในกิจกรรมเวิร์กช็อปโครงการ Hair 3Rs เอื้อเฟื้อภาพโดย EDVOS Source: Supplied
แม้รอยช้ำบริเวณคอ หรือผมที่หลุดร่วงเป็นปอย ๆ ของลูกค้าจะเป็นสิ่งที่ช่างทำผมสังเกตได้โดยสัญชาติญาณ แต่ความรุนแรงในครอบครัวไม่ได้มีสัญญาณบ่งบอกชัดเจน เพราะไม่ใช่ทุกครั้งที่ความรุนแรงจะเกิดขึ้นทางร่างกาย

บริดเจ็ด (ชื่อสมมุติ) ผู้รอดชีวิตจากการ (coercive control) เปิดใจกับช่างทำผมของเธอเกี่ยวกับประสบการณ์หลังได้พบเห็นโปสเตอร์ปิดประกาศโครงการ HaiR-3Rs บนกระจกของร้านเสริมสวย

“สิ่งที่ผู้คนเข้าใจผิดมากที่สุดเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัวก็คือ ความรุนแรงทางจิตใจและทางอารมณ์รุนแรงพอ ๆ กับความรุนแรงทางร่างกาย” บริดเจ็ด กล่าว

“มันเป็นเรื่องของการควบคุม การทำให้ใครสักคนกระทำ แสดงออก และคิดในแบบที่คนเหล่านั้นต้องการให้คุณเป็น”

“เมื่อช่างทำผมเต็มใจที่จะรับฟัง มันเป็นเรื่องประทับใจมาก คุณไม่ได้ขอให้พวกเขามาแก้ปัญหา คุณเพียงต้องการคนรับฟัง มันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันโอเค”

“When I was looking for a hair salon, it came down to whether he would allow me to go to a certain place,” says family violence survivor Bridget.
"เมื่อฉันมองหาร้านทำผม มันก็ขึ้นอยู่กับเขาว่าจะอนุญาตให้ฉันไปที่ไหน" บริดเจ็ด (ชื่อสมมุติ) ผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว Source: SBS


เจนนี ทาร์แรนท์ (Jenni Tarrant) เจ้าของร้านเสริมสวย บอนด์ แฮร์ รีลิเจียน (Bond Hair Religion) ในกรุงแคนเบอร์รา และเป็นผู้รอดชีวิตจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศในวัยเด็ก เธอส่งพนักงานของเธอเพื่อเข้ารับการฝึกอบรมกับ HaiR-3Rs เมื่อได้รู้จักกับโครงการดังกล่าว

คุณทาร์แรนท์ กล่าวกับ เดอะ ฟีด ว่า “เราไม่ได้คาดหวังที่จะเป็นคนทำงานสังคมสงเคราะห์ เรามีรายชื่อบุคคลสำหรับส่งต่อเพื่อไปรับคำปรึกษาซึ่งได้รับการฝึกฝนมาเพื่อสิ่งนั้น เมื่อพูดอย่างนั้นแล้ว คุณก็เพียงหวังว่าเมื่อส่งต่อใครสักคนไปยังคนทำงานสังคมสงเคราะห์ หรือที่พักพิงสำหรับผู้หญิง บริการเหล่านั้นจะมีอยู่จริง เราจำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่ามีเงินสนับสนุนสิ่งเหล่านั้น”

Nikki, a HaiR-3Rs participant, says, “I now know that when a client is evasive to touch or wants to split their payment between cards, that those may be signs of family violence
คุณนิกกิ (Nikki) ผู้เข้าร่วมโครงการ HaiR-3Rs กล่าวว่า "ฉันรู้แล้วในตอนนี้ว่า ถ้าลูกค้าเลี่ยงการถูกเนื้อต้องตัว หรือต้องแบ่งจ่ายระหว่างบัตรหลาย ๆ ใบ นั่นอาจเป็นสัญญาณของความรุนแรงในครอบครัว" Source: SBS


ด้วยเหตุนี้ เรนี คารร์ (Renee Carr) กรรมการบริหาร องค์กรทำงานสนับสนุนผู้หญิง กล่าวว่า “ปริมาณของงบประมาณที่ได้มีการเสนอเพื่อความปลอดภัยของผู้หญิง ในการแถลงร่างงบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลสหพันธรัฐเมื่อสัปดาห์ก่อน ไม่มีความเหมาะสมกับผลกระทบจากความรุนแรงบนฐานของเพศสภาพที่มีต่อชีวิตและชุมชนของเรา”

“รัฐมนตรีคลังได้ให้คำมั่นเรื่องงบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยของผู้หญิงเพียง 207.4 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณหน้า แม้ด้วยคำมั่นเรื่องงบประมาณก่อนหน้านี้ แต่สิ่งนี้ยังห่างไกลจากข้อเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้มีงบประมาณสนับสนุนในส่วนนี้ปีละ 1 พันล้านดอลลาร์”

“เราอยู่ท่ามกลางวิกฤตระดับชาติ การแพร่ระบาดใหญ่ให้ทำให้ระดับความรุนแรงบนฐานของเพศสภาพทั่วประเทศที่เลวร้ายอยู่แล้วให้แย่ลงไปกว่าเดิม”
ทีมวิทยากรกลุ่มเล็ก ๆ จากโครงการ HaiR-3Rs ได้เดินทางไปฝึกอบรมช่างทำผมมากกว่า 1,000 คน แต่ด้วยจำนวนช่างทำผมจากทั่วประเทศมากกว่า 70,000 คน นั่นทำให้งานฝึกอบรมของพวกเขาเป็นเรื่องยาก

คุณฮัสสันหวังว่าวันหนึ่งการฝึกอบรมการความตระหนักรู้ถึงความรุนแรงในครอบครัว จะกลายเป็นข้อบังคับระดับชาติสำหรับผู้ฝึกอาชีพช่างทำผม และในหลักสูตรของสถานบันเทฟ (TAFE)

“เราสามารถทำงานร่วมกับใครก็ได้เพื่อออกแบบโครงการที่คำนึงถึงงานที่พวกเขาทำ และความเกี่ยวพันกับความรุนแรงในครอบครัวที่พวกเขาอาจพบเจอ เราได้ทำงานร่วมกับทันตแพทย์ ตัวแทนด้านอสังหาริมทรัพย์ คนทำงานกับสัตว์ เราจะไปที่ใดก็ได้”

*ชื่อจริงถูกเปลี่ยนด้วยเหตุผลความเป็นส่วนตัว

บริการสนับสนุนด้านความรุนแรงในครอบครัว

  • สายช่วยเหลือระดับชาติ 1800 Respect หมายเลขโทรศัพท์ 1800 737 732
  • หมายเลขโทรศัพท์ 1800 811 811
  • หมายเลขโทรศัพท์ 1300 766 491

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Published 7 April 2022 1:41pm
Updated 7 April 2022 2:54pm
By Marcus Costello
Presented by Tinrawat Banyat
Source: SBS Thai


Share this with family and friends