'ไม่รู้เลยว่าเงินหาย' เหยื่อแก๊งสวมรอยเล่าประสบการณ์สูญเงินซูเปอร์

"ฮิเทช" ชายชาวเมลเบิร์น เปิดใจเล่าประสบการณ์สูญเงิน หลังตกเป็นเหยื่อแก๊งฉกข้อมูลส่วนตัว ล้วงเงินซูเปอร์ผ่านช่องทางช่วยเหลือของรัฐบาลช่วงโควิด ซ้ำถูกนำข้อมูลไปสั่งซื้อมือถือใหม่และใช้ขอเงิน JobSeeker พร้อมฝากเป็นข้อเตือนใจ ไม่ว่าใครก็ตกเป็นเหยื่อได้

superannuation scam

Fancy gadgets ordered, JobKeeper requested and super withdrawn on stolen identity. Source: Supplied by Hitesh Arora

เรื่องราวสำคัญ

  • นักสวมรอยล้วงเงินจากกองทุนเงินซูเปอร์ของคุณฮิเทช อโรรา ไปเป็นเงิน $10,000 ดอลลาร์
  • นอกจากถูกขโมยเงินซูเปอร์ เขายังถูกสวมรอยขอเงินช่วยเหลือ JobKeeper จากรัฐบาล และถูกนำข้อมูลไปสั่งซื้อโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์แกดเจ็ตต่าง ๆ โดยไม่รู้ตัว
  • คุณอโรราฝากเรื่องนี้เป็นข้อเตือนใจในชุมชนให้ระมัดระวังขบวนการที่มีความแยบยลนี้

คุณฮิเทช อโรรา (Hitesh Arora) ต้องรอชั่วโมงงานจากนายจ้างในช่วงมาตรการล็อกดาวน์จากสถานการณ์ไวรัสโคโรนา และเพิ่งจะได้รับการเรียกกลับไปทำงานเมื่อไม่นานมานี้

ในตอนแรก เขาคิดว่าความเครียดจากสถานการณ์โควิดจะหมดไป แต่ผู้อพยพย้ายถิ่นจากอินเดียคนนี้ ต้องเจอกับเรื่องราวที่ทำให้เขาต้องตกใจ ในเย็นวันจันทร์วันหนึ่ง เมื่อเงิน $10,000 ดอลลาร์ของเขา ถูกถอนออกไปจากกองทุนเงินซูเปอร์

“ทุกอย่างเริ่มต้นในวันที่ 15 ต.ค.​ผมได้รับข้อความจากค่ายโทรศัพท์ Optus ว่าผมได้วางคำสั่งซื้อสินค้า ในตอนแรกผมคิดว่าเป็นสแปม ผมเลยไม่ได้สนใจ”

“แต่ 2 ชั่วโมงต่อมา ผมได้รับข้อความให้แสดงความคิดเห็นของการสนทนากับเจ้าหน้าที่บริการลูกค้า ผมไม่ได้คุยกับใครจาก Optus เลย ผมเลยรู้สึกว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล และโทรหา Optus ในทันที” เขากล่าวกับเอสบีเอส ภาคภาษาฮินดี

สูญเงินหมื่นจากกองเงินซูเปอร์

คุณอโรราโทรหา Optus ในเวลาต่อมา และพบว่าอีเมลและหมายเลขโทรศัพท์ของเขา ถูกเปลี่ยนเจ้าของโดยใครบางคน และถูกนำไปสั่งซื้อโทรศัพท์ iPhone แท็บเล็ต iPad และนาฬิกาสมาร์ทว็อทช์

“ผมบอกกับ Optus ว่า ผมไม่ได้เป็นคนเปลี่ยน ผมขอยกเลิกคำสั่งซื้อ พวกเขารับเรื่องร้องเรียนของผม พร้อมย้ำให้ผมมั่นใจว่าทุกอย่างได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว” คุณอโรรา กล่าว
หลังจากย้อนกลับไปมองสิ่งที่เกิดขึ้น คุณอโรรารู้สึกว่า เหตุการณ์ในครั้งนั้น คือจุดเริ่มต้นของการฉ้อโกงที่กำลังจะเกิดขึ้นในเวลาต่อมา

ในวันจันทร์ คุณอโรราได้รับโทรศัพท์จากสำนักงานสรรพากรออสเตรเลีย (เอทีโอ)

“ในตอนแรกผมคิดว่าเป็นพวกต้มตุ๋น แต่เจ้าหน้าที่ย้ำกับผมว่า พวกเขาโทรมาเพื่อที่จะยืนยันธุรกรรมทางการเงินบางอย่างที่ผมเป็นคนส่งคำขอ นั่นเป็นอีกครั้งที่ผมตกใจ ผมไม่เคยล็อกอินเข้าไปในบัญชีของ ATO มาหลายสัปดาห์แล้ว และผมไม่เคยส่งคำร้องอะไรเลย” คุณอโรรากล่าว

ต่อมา เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสรรพากรออสเตรเลีย ได้แจ้งกับคุณอโรราว่า คำขอคืนเงินภาษีสินค้าและบริการ (GST) จำนวน $8,000 ดอลลาร์ในบัญชี ATO ของเขา ได้ถูกเปลี่ยนสถานะจากลูกจ้างเป็นนายจ้าง และมีคำร้องขอในการรับเงินสงเคราะห์ค่าจ้างจ๊อบคีปเปอร์ (JobKeeper)

“ผมบอกเจ้าหน้าที่ ATO ว่าผมไม่ได้เป็นคนทำแน่นอน พวกเขาบอกว่าบัญชีของผมถูกบุกรุก หลังจากนั้น พวกเขาก็ระงับบัญชีและยื่นขอให้มีการไต่สวน” คุณอโรรา กล่าว  

“แต่เจ้าหน้าที่โทรหาผมอีกครั้งในช่วงเย็น และขอให้ผมตรวจสอบบัญชีเงินซูเปอร์ เขาบอกว่า ATO ได้รับคำขอในการถอนเงินออกจากกองทุนจำนวน $10,000 ดอลลาร์ ตามมาตรการเยียวยาจากสถานการณ์โควิด-19 และคำขอดังกล่าวได้รับการอนุมัติแล้ว” คุณอโรรา กล่าว

“เขาขอให้ผมตรวจสอบว่าเงินซูเปอร์ถูกถอนออกไปหรือยัง ผมล็อกอินเข้าไปในบัญชีเงินซูเปอร์ของตัวเอง และพบว่าเงินถูกถอนออกไปเป็นจำนวน $10,000 ดอลลาร์”

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คุณอโรราต้องใช้เวลาอย่างเคร่งเครียด ในการทำเรื่องเพื่อร้องเรียนกับตำรวจ ติดต่อธนาคารเพื่อยกเลิกบัตรเครดิต และติดต่อประสานงานกับ ATO พร้อมกับแจ้งไปยังศูนย์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ของออสเตรเลีย (ACSC) ด้วย

เขากล่าวว่า เขารู้สึกประหลาดใจที่เหล่านักต้มตุ๋นสามารถเข้าถึงบัญชี ATO ของเขา รวมถึงบัญชีเงินซูเปอร์ของเขาได้

“ผมรู้สึกประหลาดใจกับความแยบยลของเหล่านักต้มตุ๋น ผมไม่เคยพูดกับใครเลย แต่ข้อมูลของผมถูกขโมยไปเพื่อไปถอนเงินที่ผมหามาได้อย่างยากลำบาก” คุณอโรรา กล่าว

“ตามปกติแล้ว ผมจะได้รับรหัสแบบใช้ครั้งเดียวในการล็อกอินเข้าบัญชี ATO แต่ผมไม่ได้รับรหัสอะไรเลย”

“ผมต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่จาก ATO ที่ช่วยเหลือผมในเรื่องนี้ ผมหวังว่าจะได้เงินคืนมาโดยเร็ว”

คุณอโรรา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้เขาเปลี่ยนรหัสผ่านในบัญชีออนไลน์ และเลือกรหัสผ่านที่เดาได้ยาก

“ผมอยากเตือนผู้คนให้ระแวดระวังขบวนการเหล่านี้ มันอาจเป็นใครก็ได้ที่จะเข้ามาล้วงเงินที่คุณหามาได้อย่างเหน็ดเหนื่อย” คุณอโรรา กล่าว

นักสวมรอยล้วงเงินซูเปอร์ชุกชุมช่วงโควิด

สแกมวอตช์ (Scamwatch) ได้เตือนว่า บรรดานักต้มตุ๋นกำลังหาประโยชน์จากโครงการของรัฐบาล ที่ประกาศออกมาเพื่อเป็นความช่วยเหลือสำหรับผู้มีความเดือดร้อนทางการเงิน ในช่วงสถานการณ์ไวรัสโคโรนา ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถเข้าถึงเงินซูเปอร์ได้บางส่วนก่อนกำหนด

ในหลายครั้ง นักต้มตุ๋นจะเสาะหาข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่สามารถทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงเงินซูเปอร์ได้อย่างฉ้อฉล

“ในขณะที่ผู้สูงอายุมักจะตกเป็นเหยื่อของขบวนการต้มตุ๋นเงินซูเปอร์ ช่องทางการเข้าถึงเงินซูเปอร์ล่วงหน้า หมายความว่า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอายุใดก็ตาม ก็สามารถตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้ได้เช่นกัน” นางดีเลีย ริคาร์ด รองประธานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าและผู้บริโภคออสเตรเลีย (ACCC) กล่าว 

ในปี 2019 มีชาวออสเตรเลียที่ต้องสูญเงินไปกับขบวนการหลอกลวงถอนเงินซูเปอร์ไปเป็นมูลค่ากว่า $6 ล้านดอลลาร์


 

หากคุณพบพฤติกรรมต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับเงินซูเปอร์ คุณสามารถไปยังคณะกรรมการหลักทรัพย์และการลงทุนแห่งออสเตรเลีย (ASIC)

นอกจากนี้ คุณยังสามารถติดต่อ บริการสนับสนุนของรัฐบาลที่ไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งจะทำงานร่วมกับคุณเพื่อวางแนวทางที่เหมาะสมในการรับมือและตอบโต้กับกรณีต่าง ๆ และสนับสนุนคุณตลอดกระบวนการ

คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขบวนการฉ้อโกงต่าง ๆได้ที่เว็บไซต์ของ ซึ่งรวมถึงวิธี และการ

ที่เว็บไซต์ของสำนักงานสรรพากรออสเตรเลีย (ATO) มีข้อมูลเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล และแนวทางปฏิบัติหากคุณคิดว่ามีใครสักคนนำข้อมูลของคุณไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง อ่านเพิ่มเติมได้ที่


 

รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์  ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 

Share
Published 30 December 2020 7:40pm
Updated 19 January 2021 11:46am
By Mosiqi Acharya
Presented by Tinrawat Banyat
Source: SBS Hindi

Share this with family and friends