สั่งย้ายผู้อาศัย "โอปอล ทาวเวอร์" ตรวจโครงสร้างยกหลัง

ผู้อาศัยภายในอาคารโอปอล ทาวเวอร์ทั้งหมดจะต้องย้ายออกจากอาคารภายในเย็นวันนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เริ่มปฏิบัติการตรวจสอบอาคารทั้งหลัง

You can read the full article in English

ผู้อาศัยในอาคารอพาร์ทเมนต์ “โอปอล์ ทาวเวอร์” ที่เกิดเหตุโครงสร้างแตกร้าวกำลังอยู่ระหว่างเตรียมตัวเพื่อย้ายไปอาศัยในที่พักชั่วคราวเป็นเวลาอย่างน้อย 10 วัน ขณะที่การตรวจสอบโครงสร้างอาคารนั้นยังคงดำเนินต่อไป

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (24 ธ.ค.) อาคารโอปอล์ ทาวเวอร์ ในบริเวณ Sydney Olympic Park ได้เกิดเหตุแผ่นคอนกรีตแตกร้าวภายในอาคารบริเวณชั้น 10 จนต้องมีการอพยพผู้คนออกจากตัวอาคารและพื้นที่ใกล้เคียงเป็นจำนวนกว่า 3,000 คน โดยผู้ที่อยู่ในอาคารได้มีการร้องเรียบว่าได้ยินเสียงแตกร้าว

บริษัทไอคอน (Icon) ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างอาคารดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบโครงสร้างอาคารเพื่อหาสาเหตุ โดยนายจูเลียน ดอยล์ (Julian Doyle) ผู้บริหารบริษัทดังกล่าวระบุว่า การตรวจสอบนี้อาจใช้เวลามากกว่า 10 วัน ซึ่งสร้างความกังวลให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในอาคารในการจัดเตรียมเรื่องที่พักชั่วคราว

“สำหรับเรา (ไอคอน) ความลับก็คือการหาคำตอบและตัดสินใจว่าเราจะต้องทำอย่างไรต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกับบนชั้น 10 และดำเนินการให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้” นายดอยล์กล่าว

ทั้งนี้ อาคาร 34 ชั้นดังกล่าวมีอายุได้เพียง 18 เดือนเท่านั้น ผู้อาศัยทุกคนได้รับแจ้งว่า จะต้องย้ายออกจากอาคารภายในเวลา 17:00 น.ของวันนี้ (28 ธ.ค.) เพื่อไปพักอาศัยอยู่ในที่พักชั่วคราวที่มีการจัดเตรียมไว้

การแตกร้าวของโครงสร้างอาคารแบบสำเร็จรูป

หลังจากการตรวจสอบทางกายภาพจากเหตุการณ์เมื่อวันจันทร์ ไม่พบสัญญาณใด ๆ ของ “การแตกร้าว” ผู้อาศัยได้รับการแจ้งว่าสามารถกลับเข้าไปอาศัยอยู่ได้ตามปกติในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเหตุการณ์แรก

ต่อมา เจ้าหน้าที่บริการฉุกเฉินพบว่า ตัวอาคารได้เลื่อนออกจากตำแหน่งเดิมเป็นความยาว 2 มิลลิเมตร โดยพบต้นตอมาจากโครงสร้างแบบขึ้นรูปสำเร็จที่มีการขึ้นรูปมาจากโรงงาน และนำมาติดตั้งที่ตัวอาคารอีกครั้ง
Residents of Opal Tower which cracked on Christmas Eve won't be allowed home for at least 10 days.
Residents of Opal Tower which cracked on Christmas Eve won't be allowed home for at least 10 days. Source: AAP
มีที่พักอาศัย 51 ยูนิตภายในอาคารที่ถูกระบุว่าไม่มีความปลอดภัย โดยประเมินจากตำแหน่งในอาคาร และน้ำหนักที่มีการกดทับลงไปบนโครงสร้างสำเร็จรูปที่เสียหาย ซึ่งได้รับการเสริมแรงด้วยคอนกรีตไปก่อนเป็นการเฉพาะหน้า

จากนั้น บ่ายวันพฤหัสบดี (27 ธ.ค.) ผู้อาศัยราว 300 คนได้รับแจ้งให้ย้ายออกจากอาคารเป็นครั้งที่สอง เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องเตรียมการตรวจสอบอาคารทั้งหลังภายในวันนี้ (28 ธ.ค.)
เอโคฟ (Ecove) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระบุว่า ผู้อาศัยจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ระหว่างที่บรรดาวิศวกรกำลังตรวจสอบตัวอาคาร

“เราพยายามอย่างหนักเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในการหาสาเหตุต่างๆ ให้พบ เพื่อการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว” นายบาสซาม อะฟลัก (Bassam Aflack) ผู้บริหารของเอโคฟระบุในแถลงการณ์ที่ออกมาในวันนี้ (28 ธ.ค.)

WSP บริษัทด้านวิศวกรรม หนึ่งในทีมตรวจสอบอาคารที่บริษัท Icon ได้ว่าจ้างระบุว่า อาคารดังกล่าวยังไม่มีความเสี่ยงทางโครงสร้างที่จะทำให้เกิดการถล่มลงมา แต่ผู้อาศัยจำเป็นที่จะต้องย้ายออกไปเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ประเมินความเสียหายและฟื้นฟูให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ พร้อมระบุว่ามีการเสริมแรงบริเวณจุดที่มีความเสียหายเพื่อเป็นการป้องกันเฉพาะหน้าไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (27 ธ.ค.)

นายจูเลียน ดอยล์ ผู้อำนวยการบริษัท Icon ระบุว่า แม้อาคารจะไม่อยู่ในความเสี่ยงว่าจะถล่มลงมา แต่การอพยพผู้อาศัยนั้นเป็นการรับมือกับปัญหาที่มีต่อเหตุการณ์นี้ในทางที่รวดเร็วที่สุด

“ผมคิดว่าท้ายที่สุดแล้วอาคารนี้จะเป็นอย่างที่มันถูกออกแบบให้เป็น” นายดอยล์กล่าว
A frustrated resident asks questions of Icon Managing Director Julian Doyle
A frustrated resident asks questions of Icon Managing Director Julian Doyle Source: AAP
ทั้งนี้ มีการเผชิญหน้าระหว่างผู้อาศัยที่ไม่พอใจกับนายดอยล์ ในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (27 ธ.ค.) บริเวณชั้นล่างของอาคาร โดยเรียกร้องให้มีการจัดที่พักอาศัยชั่วคราวให้ดีขึ้น และมีกำหนดเวลาที่ชัดเจนว่าผู้อาศัยจะสามารถย้ายกลับไปอาศัยในอาคารได้เมื่อใด โดยนายดอยล์ระบุว่าไม่สามารถประกันได้ว่าผู้อาศัยจะสามารถกลับไปอยู่อาศัยในอาคารได้ภายในเวลา 10 วัน

ติดตามฟังรายการ เอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี เวลา 22.00 น.

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 

Share
Published 28 December 2018 1:58pm
Updated 28 December 2018 2:24pm
By AAP-SBS
Presented by Tinrawat Banyat
Source: AAP, SBS


Share this with family and friends