เตือนผู้ป่วยหอบหืดรับมือฤดูพายุละอองเกสรรุนแรง

Ventolin

Source: AAP

ผู้เชี่ยวชาญเตือนผู้ป่วยหอบหืดในออสเตรเลียระวังฤดูกาลพายุฝนฟ้าคะนองที่ทำให้เกิดอาการแพ้อากาศในเร็ว ๆ นี้ หลังปรากฏการณ์ลานีญาทำผู้ป่วยกลุ่มนี้ความเสี่ยงสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงปลายปี


ปรากฏการณ์ทางสภาพอากาศลานีญา (La Niña) จะเป็นมากกว่าสภาพอากาศที่เปียกชื้นในหน้าร้อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีนักสำหรับผู้ที่ต้องเผชิญกับโรคหอบหืด ผู้เชี่ยวชาญกำลังเตือนชาวออสเตรเลียซึ่งเผชิญกับภาวะนี้ให้เตรียมรับมือกับฤดูกาลของพายุละอองเกสร อันเป็นผลจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง

ข้อมูลจากสภาโรคหอบหืดแห่งชาติ (National Asthma Council) ระบุว่า ผู้ที่กำลังเผชิญกับโรคหอบหืดจะอยู่ในความเสี่ยงที่สูงขึ้น ระหว่างช่วงต้นเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนธันวาคม
An emergency department sign at the Alfred Hospital in Melbourne, Friday, May 18, 2012. (AAP Image/Julian Smith) NO ARCHIVING
พายุฝนฟ้าคะนองที่ก่อให้เกิดอาการหอบหืดทั่วเมลเบิร์นในปี 2016 ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากเข้ารับบริการในแผนกฉุกเฉิน และเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย Source: AAP
ศาสตราจารย์ปีเตอร์ วอร์ค (Prof Peter Wark) ผู้อำนวยการสภาโรคหอบหืดแห่งชาติ และแพทย์ระบบทางเดินหายใจ อธิบายถึงโรคหอบหืดที่เกิดจากพายุฝนฟ้าคะนอง (Thunderstorm asthma) ไว้ดังนี้

“โรคหอบหืดจากพายุฝนฟ้าคะนอง เป็นปรากฏการณ์เฉพาะที่เราพบเห็นในช่วงเวลานี้ของปี และมันเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อมีพายุฝนฟ้าคะนอง"
เรามีหญ้าทั้งหมดซึ่งขึ้นอยู่บนที่ราบ เมื่ออากาศเปลี่ยนและมีลมพัด เมล็ดหญ้าเล็ก ๆ ทั้งหมดก็จะลอยขึ้นไปในอากาศ
ศาสตราจารย์ปีเตอร์ วอร์ค กล่าว
"พวกมันจะพบกับอากาศที่อบอุ่นและชื้นในส่วนบนของชั้นบรรยากาศ ซึ่งทำให้เมล็ดหญ้าเหล่านั้นแตกตัว” ศาสตราจารย์วอร์คกล่าว

สำหรับผู้ที่เผชิญกับโรคหอบหืดนั้น วงจรดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงที่อันตรายร้ายแรงได้

เมื่อปี 2016 มีผู้เสียชีวิต 10 รายในนครเมลเบิร์น ขณะที่บริการฉุกเฉินมีผู้เข้ารับบริการจนล้นมือ หลังเกิดพายุฝนฟ้าคะนองหอบหืดเป็นวงกว้าง

ศาสตราจารย์วอร์ค กล่าวว่า การที่เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นได้นั้น จะต้องประกอบด้วยปัจจัยต่าง ๆ อย่างสมบูรณ์แบบ
มันต้องมีเกสรดอกไม้จำนวนมากในอากาศ และต้องมีลักษณะของชั้นบรรยากาศที่เหมาะสมด้วย จากนั้นมันก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น และแน่นอนว่ามันยังเกิดขึ้นในช่วงเย็นอีกด้วย ซึ่งเป็นเวลาที่ผู้คนออกมาข้างนอกและกำลังกลับบ้านจากที่ทำงาน
ศาสตราจารย์ปีเตอร์ วอร์ค กล่าว
“อันที่จริงมันเป็นสถานการณ์ที่เลวร้าย ซึ่งกระทบชานเมืองตอนเหนือของเมลเบิร์นที่มีประชากรอยู่หนาแน่นหนักที่สุด และเป็นผลให้มีผู้คนนับพันมีอาการหอบหืดอย่างรุนแรง ทั้งที่ต้องไปแผนกฉุกเฉิน หรือที่น่าเศร้าใจก็คือมีผู้เสียชีวิตไป 10 คน”

คุณเจเนวีฟ เวอร์การา (Genevieve Vergara) เจ้าหน้าที่นิติเวช อธิบายถึงอาการหอบหืดที่เธอได้พบเจอ ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างรวดเร็ว

“อาการหอบหืดของฉันถูกกระตุ้นได้จากอากาศที่เปลี่ยนอย่างกะทันหันด้วย ถ้าอากาศรู้สึกหนักขึ้น มันก็จะกระตุ้นให้ฉันเป็นหอบหืดได้เหมือนกัน ซึ่งมันก็จะเริ่มจากการจาม หรือว่ารู้สึกเสียวแปลบหรือคันบริเวณจมูกหรือในลำคอ และจากนั้นมันก็จะแย่ลง หรือกลายเป็นอาการอื่น ตาของฉันจะมีน้ำตาไหล และก็จะเริ่มมีอาการหายใจไม่สะดวกด้วย”
How dangerous is the COVID-19 virus to people with Asthma?
โควิด-19 เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อาการของผู้ป่วยหอบหืดแย่ลง Source: Getty / Getty Images/Xesai
สำหรับผู้เผชิญกับโรคหอบหืดหลายคน การแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 มีเพียงแต่จะทำให้อาการแย่ลง

คุณเวอร์การาประสบภาวะโรคหอบหืดตั้งแต่ได้รับการวินิจฉัยครั้งแรกตอนอายุ 9 ขวบในฟิลิปปินส์ แต่เธอเล่าว่าภาวะลองโควิดได้ทำให้โรคหอบหืดของเธอมีอาการรุนแรงกว่าแต่ก่อน

"เมื่อก่อนมันเป็นอาการที่พอจะจัดการได้ แต่หลังจากโควิดแล้วมันก็ค่อนข้างลำบาก จัดการยากขึ้น มันรุนแรงขึ้นเพราะโควิด มันลำบากขึ้น ทั้งหายใจลำบาก รู้สึกหนักหน้าอก และก็หายใจมีเสียงหวีด และตอนนั้นฉันก็เสียงหายด้วย" คุณเวอร์การาเล่า

ออสเตรเลียคือหนึ่งในประเทศที่มีอัตราผู้ป่วยโรคหอบหืดสูงที่สุดของโลก โดยมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบที่อัตรา 1 ใน 10

ศาสตราจารย์วอร์คกล่าวว่า แม้ภาวะหอบหืดจากพายุฝนฟ้าคะนองเป็นเรื่องเร้าอารมณ์อย่างมาก เขาย้ำว่ามันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้มีภาวะหอบหืดทุกคนที่จะรู้ว่าควรทำอะไรเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

"การป้องกันที่ดีที่สุดต่อโรคหอบหืดที่เกิดจากพายุฝนฟ้าคะนอง หรือในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนซึ่งอาการแพ้ยังเด่นชัด คือการควบคุมภาวะหอบหืดที่ดีในแต่ละวันของคุณตั้งแต่แรก"

"สำหรับแทบทุกคนที่มีภาวะหอบหืดและมีอายุ 6 ปีขึ้นไป หากจำเป็นที่จะต้องใช้ยาบรรเทามากกว่า 1-2 ครั้งต่อเดือน พวกเขาควรที่จะได้รับยายับยั้งแบบสูดดมเป็นประจำ ซึ่งจะดีที่สุดหากเป็นยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroid) แบบสูดดมในขนาดต่ำ นั่นจะลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะหอบหืดขั้นรุนแรงอย่างฉับพลันได้อย่างมีนัยยะสำคัญ” ศาสตราจารย์วอร์คกล่าว

สำหรับคุณเวอร์การานั้น เธอตื่นตัวอย่างมากหลังทราบข่าวเกี่ยวกับฤดูกาลพายุเกสรที่รุนแรง และเธอมีสิ่งที่อยากจะฝากสำหรับผู้ที่มีภาวะหอบหืดคนอื่น ๆ ขณะที่ออสเตรเลียกำลังจะเข้าสู่ฤดูกาลพายุฝนฟ้าคะนองในเร็ว ๆ นี้
หากพวกเขาทำได้ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับมัน หลีกเลี่ยงสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ และติดต่อกับแพทย์เสมอ รวมถึงแพทย์จีพี นั่นจะเป็นประโยชน์มาก
คุณเจเนวีฟ เวอร์การา

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share