รัฐบาลทุ่มทุนหนุนเรียน TAFE หวังแก้ปัญหาแรงงานทักษะขาดแคลน

Prime Minister Anthony Albanese speaks to Skills Minister Brendan O’Connor after a visit to Canberra Institute of Technology (AAP)

นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีซีและรัฐมนตรีแบรนเดน โอคอร์เนอร์ ขณะเยือนสถาบันเทคโนโลยีที่กรุงแคนเบอร์รา Source: AAP / LUKAS COCH

รัฐบาลออสเตรเลียประกาศอัดฉีด $12.6 พันล้านดอลลาร์ให้ TAFE ทั่วประเทศ กังวลปัญหาขาดแคลนแรงงานกระทบเศรษฐกิจ ขณะที่วิกฤตในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และกลิ่นอายความล้มเหลวของการลงประชามติว๊อยซ์ยังกรุ่น


กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน

คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลสหพันธรัฐลงนามในข้อตกลงเพื่อให้งบประมาณ $12.6 พันล้านกับภาคส่วนอาชีวศึกษาและการอบรมเป็นเวลา 5 ปี หวังสามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะซึ่งจะกระทบกับเศรษฐกิจ

รัฐมนตรีแบรนเดน โอ คอนเนอร์ (Brendan O'Connor) กล่าวว่าตัวเลขแรงงานในสาขาอาชีพที่เป็นที่ต้องการเพิ่มจาก 153 เป็น 283 ภายใน 12 เดือน
นั่นคือปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลเร่งแก้ไข
"และแน่นอนความต้องการที่จะลดก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ให้ได้ภายในปี 2050 สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีการจัดหาแรงงานทักษะ”
ด้านกลุ่มพันธมิตรยังคงย้ำถึงความล้มเหลวของการลงประชามติของรัฐบาล

นายปีเตอร์ ดัตตัน (Peter Dutton) ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวกับแชเนล เซเว่น (Channel 7) ว่าเขาเชื่อว่าการลงประชามติของนายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีซี (Anthony Albanese) เป็นการหาประโยชน์เพื่อตนเอง

“เขาเพียงแค่จะหาที่ของเขาในประวัติศาสตร์ออสเตรเลีย เขาอยากจะเป็นเหมือนนายบ็อบ ฮอว์ก (Bob Hawke) ผู้ยิ่งใหญ่ และประชาชนออสเตรเลียต้องกลายเป็นเหยื่อเพื่อสิ่งนั้น เพราะเขาได้ทำให้ประเทศแตกแยก และงานของเราตอนนี้คือต้องกลับไปเป็นเหมือนเดิม”

แต่นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีซีโต้ว่าการหาว่าการลงประชามติเป็นการหาเสียงของพรรคแรงงานถือเป็นการไม่เคารพ
เป็นการไม่นึกถึงชนพื้นเมืองออสเตรเลีย และไม่เคารพต่อสิ่งที่พวกเขาทำมาเป็นเวลาหลายปี
"การที่นายโทนี แอ็บบ็อตต (Tony Abbott) ขอมา เพื่อไม่ให้มีการรับรองอย่างที่ควรจะทำ”
การวิเคราะห์ที่มีการเผยแพร่ในวันอังคารที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นถึงการยืนยันของรัฐบาลว่าการลงประชามติว๊อยซ์เป็นสิ่งที่ชุมชนชาติแรก (First Nations) ต้องการ

ข้อมูลจากคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งออสเตรเลีย (Australian Electoral Commission) แสดงถึงสัดส่วนจากพื้นที่ลงคะแนนสนับสนุนข้อเสนอของการลงประชามติเพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากชนพื้นเมืองออสเตรเลียสูงมาก

ข้อมูลจากการสำรวจสำมะโนประชากร (Census) ระบุว่า 9 ใน 10 จากพื้นที่ที่มีการออกเสียงในพื้นที่ที่มีประชากรที่เป็นชนพื้นเมืองสูงมีผลโหวตเป็นเยส (yes)

ในขณะที่รัฐสภาออสเตรเลียได้แถลงการณ์สนับสนุนอิสราเอล เอกอัคราชทูตอาเมียร์ ไมมอน (Amir Maimon) ปราศรัยที่พรรคเสรีนิยมว่าอิสราเอลมุ่งมั่นที่จะปกป้องตนเอง

“สำหรับผม สิ่งเดียวที่ผมจะพูดต่อหน้ากล้องคือตั้งแต่เวลา 6.30 น. ของวันที่ 7 ตุลาคม ผมอยู่ที่อิสราเอลตอนที่กลุ่มฮามาสโจมตีชาวอิสราเอลบริเวณพรมแดนทางใต้ เรากำลังอยู่ในสงคราม"
สงครามที่เราไม่ได้เริ่มหรือขอ แต่เรามุ่งมั่นที่จะชนะ
สำหรับสวัสดิการของประชากรออสเตรเลียที่ยังคงอยู่ในตะวันออกกลาง รัฐบาลส่งเที่ยวบินไปรับที่ดูไบเพื่อนำประชากรออสเตรเลียกลับมาอย่างปลอดภัย 200 คน

รองนายกรัฐมนตรีริชาร์ด มาร์ลส์ (Richard Marles) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า

“เราเชื่อว่าเที่ยวบินทั้ง 2 เที่ยวนี้เพียงพอต่อความต้องการอันเร่งด่วนสำหรับชาวออสเตรเลียที่ต้องการออกจากอิสราเอล อย่างไรก็ตามเรายังคงมีเครื่องบินของกองทัพอากาศในบริเวณนั้นเตรียมเผื่อเหตุฉุกเฉิน”
ยังคงมีชาวออสเตรเลียอีก 45 คนที่ยังคงอยู่ที่ฉนวนกาซา (Gaza) ซึ่งถูกตัดขาดจากน้ำ ไฟ น้ำมันและอาหาร หลังจากอิสราเอลปิดล้อมดินแดนที่มีการปะทะ

พวกเขาได้รับคำแนะนำให้ย้ายไปที่จุดข้ามพรมแดนระหว่างอิยิปต์และกาซา เพื่อรอการเปิดรับ

ด้านรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ เพนนี หว่อง (Penny Wong) กล่าวว่ายังคงเจรจา แต่ยังไม่มีการรับประกันว่าจะมีการเปิดรับหรือจะเปิดรับนานแค่ไหน

“ออสเตรเลียเรียกร้องให้มีเส้นทางด้านมนุษยธรรมที่สามารถเข้าถึงกาซาได้อย่างปลอดภัยและการจัดตั้งช่องทางด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน เราสนับสนุนการทำงานของสหรัฐอเมริกา อียิปต์และประเทศอื่นๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ เราจะติดตามสถานการณ์และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม”


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 


บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share