วิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้บ้านอุ่นคืออะไร?

Mother and son by radiator

แม่และลูกชายนั่งข้างเครื่องทำความร้อน Source: GETTY Images/SolStock

การเลือกระบบทำความร้อนที่เหมาะสมกับบ้านของคุณจะง่ายขึ้น เมื่อคุณทราบถึงทางเลือกต่างๆ และหากคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงระบบที่ติดตั้งไว้แล้ว ยังมีหนทางที่สามารถอัปเกรดระบบและลดค่าใช้จ่าย


กด 🔊 เพื่อฟังเรื่องนี้
LISTEN TO
thai_8247fc18-5831-41ae-86c9-f411e43eab66.mp3 image

วิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้บ้านอุ่นคืออะไร?

SBS Thai

01/08/202211:51
ตรงข้ามกับภาพลักษณ์ที่ติดตา ออสเตรเลียไม่ได้มีแดดจัดและอบอุ่นตลอดทั้งปี และบ้านเรือนในออสเตรเลียนั้นแตกต่างจากแถบซีกโลกเหลือ ในเรื่องของระบบทำความร้อน (Heating system)

ศาสตราจารย์ สเวน เทสเกอ (Sven Teske) รองศาสตราจารย์และผู้อำนวยการการวิจัยจากสถาบันเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน (Institute for Sustainable Futures) แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีซิดนีย์ (University of Technology Sydney) เป็นคนเยอรมันและกล่าวถึงประสบการณ์ตรงของเขาว่า

“ผมต้องบอกว่า ผมมาจากประเทศที่หนาวมาก แต่ผมไม่เคยต้องรู้สึกหนาวอยู่ในบ้านเหมือนที่ออสเตรเลีย เพราะมันไม่มีการติดตั้งระบบทำความร้อน และอาจเป็นเพราะสาเหตุที่ว่าระยะเวลาที่ต้องการความอบอุ่นนั้นค่อนข้างสั้น มากที่สุดแค่สามเดือนเท่านั้น แต่ที่ยุโรปที่ผมเคยอยู่ ประมาณแปดถึงเก้าเดือน ดังนั้นระบบทำความร้อนจึงจำเป็น”
เรื่องนี้อธิบายเหตุผลว่าทำไมระบบทำความร้อนส่วนกลาง (Central heating) จึงไม่ใช่เรื่องที่พบได้ทั่วไปในออสเตรเลีย คุณคริส บาร์นส์ (Chris Barnes) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องระบบทำความร้อนในบ้านจากช้อยส์ (Choice) กล่าว

แต่ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่คนที่ชอบให้ทั้งบ้านอุ่น

ผมไม่คิดว่าระบบทำความร้อนส่วนกลางจะเป็นที่นิยมมากในออสเตรเลีย เหมือนกับที่อื่นในโลก เมื่อเราคิดถึงระบบทำความร้อนส่วนกลาง คำนี้เหมือนจะครอบคลุมทุกระบบ แต่ก็ยังมีบางสิ่งแตกต่างไป เช่น ระบบที่ใช้ทั่วทั้งบ้าน (Ducted system) เป็นระบบทำความร้อนส่วนกลางประเภทหนึ่ง คุณยังสามารถทำความร้อนผ่านพื้นบ้าน (Slab) หรือผ่านเครื่องทำความร้อนแบบไฮโดรนิก (Hydronic heating radiator) และแน่นอน หากคุณอยากให้ทั้งบ้านอุ่น ระบบทำความร้อนส่วนกลางเป็นวิธีที่ดีที่สุด”

ในทางกลับกัน คุณบาร์นส์กล่าวว่า ระบบทำความร้อนส่วนกลางอาจมีค่าใช้จ่ายมากกว่าเมื่อเทียบกับระบบทำความร้อนแบบแยกส่วน (Split system)

“ค่าติดตั้งค่อนข้างแพง และคุณต้องมั่นใจว่าคุณต้องการระบบทำความร้อนแบบนั้นในบ้านของคุณจริงๆ และคุณจะใช้มันให้เกิดผลการทำความร้อนในบริเวณที่คุณใช้จริงเท่านั้นมักจะประหยัดกว่าและใช้พลังงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า นั่นหมายถึงการใช้ที่คุณสามารถเปิดและปิดได้ในบริเวณบ้านที่คุณจะใช้ หรือการใช้เครื่องทำความร้อนไฟฟ้าแบบพกพา (Portable electric heater)”
Woman with heater
ผู้หญิงนั่งหน้าเครื่องทำความร้อน (Heater) Source: Getty Images/lucentius
ศาสตราจารย์เทสเกอกล่าวว่า มีทางเลือกหลายทางสำหรับเจ้าของบ้านที่ต้องการทำความร้อนแบบปลอดมลพิษ แต่ผู้ที่เช่าบ้านส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากต้องมีการติดตั้ง

หนึ่งในทางเลือกที่ประหยัดพลังงานมากที่สุดคือปั๊มทำความร้อน (Heat pump) โดยเฉพาะเมื่อทำงานกับระบบไฟฟ้าที่มาจากแผงโซลาร์เซลส์ (Solar panels)

“สำหรับเจ้าของบ้าน สามารถสร้างหรือลงทุนกับปั๊มทำความร้อน ซึ่งทำงานด้วยไฟฟ้า นับเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด หากคุณใช้ไฟฟ้าเพื่อทำความร้อนแก่บ้านของคุณ และไฟฟ้าอาจมาจากเซลส์แสงอาทิตย์ (Solar photovoltaic) การทำความร้อนประเภทนี้ไม่มีการปล่อยมลพิษเลย”

ศาสตราจารย์เทสเกอกล่าวว่า การทำความร้อนที่รักษาสิ่งแวดล้อมนั้นประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวอีกด้วย

ไฟฟ้าที่ใช้สำหรับปั๊มทำความร้อนควรผลิตโดยแผงโซลาร์เซลส์ ซึ่งมีข้อดีหลายประการ ข้อแรก เจ้าของบ้านสามารถผลิตไฟฟ้าได้เองและไม่อิงกับราคาค่าไฟในตลาด ประการที่สอง สามารถเก็บไฟฟ้าได้ คุณสามารถใช้ไฟฟ้าทุกเมื่อที่ต้องการ และคุณยังสามารถเก็บบางส่วนไว้ได้ นั่นเป็นทางเลือกสำหรับระบบแบตเตอรี่เช่นกัน”
Woman checking aircon
ผู้หญิงเปิดเครื่องปรับอากาศ Source: Getty Images/Aja Koska
คุณบาร์นส์กล่าวว่า สภาพอากาศที่แปรปรวนของออสเตรเลียเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กำหนดทางเลือกของระบบทำความร้อนหรืออุปกรณ์
สำหรับหลายท่าน ระบบทำความเย็นเป็นสิ่งสำคัญพอๆ กับระบบทำความร้อน ดังนั้นเครื่องปรับอากาศที่มีสองระบบเป็นทางเลือกที่ดี เพราะให้ทั้งความร้อนและความเย็น วิธีการเลือกของหลายคนในการทำให้บ้านอุ่นนั้นขึ้นอยู่กับพื้นที่ ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ
รัฐบาลของแต่ละรัฐและมณฑลให้ความช่วยเหลือแก่บ้านเรือนในการปรับปรุงการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ โครงการต่างๆ ของรัฐบาลที่มุ่งปรับปรุงระบบทำความร้อนในบ้าน ได้แก่ การให้ส่วนลดและสิ่งจูงใจในการอัปเกรดและการซื้ออุปกรณ์ ตลอดจนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

คุณแอนดรูว์ เรดดาเวย์ (Andrew Reddaway) ที่ปรึกษาอาวุโสของออสเตรเลียน เอเนอร์จี ฟาวเดชั่น (Australian Energy Foundation) ซึ่งทำงานร่วมกับรัฐบาลมณฑลนครหลวงออสเตรเลียในการเสนอการประเมินการใช้พลังงานในบ้านแก่ผู้เช่าบ้านโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

การประเมินการใช้พลังงานในบ้านจะพิจารณาจากเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านและลักษณะของตัวอาคาร

การใช้ฉนวนในการก่อสร้างเป็นอีกมุมหนึ่ง การติดตั้งโดยใช้วัสดุที่อ่อนและนุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเหนือเพดาน หรือเหนือแผ่นยิปซัมบริเวณหลังคา หรือในช่องผนัง สิ่งสำคัญที่สุดคือเพดาน ตามด้วยผนังและพื้น”
Solar panels
แผงโซลาร์เซลส์ Source: Getty Images/Pramote Polyamate
คุณเรดดาเวย์กล่าวว่า การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพก็เป็นสิ่งสำคัญ

เคล็ดลับง่ายๆ คือพยายามอย่าทำความร้อนนอกเหนือไปกว่าบริเวณที่คุณต้องการ เช่น หากคุณจะใช้เพียงห้องเดียว คุณควรทำความร้อนเฉพาะห้องนั้น ปิดประตูและพยายามให้ความร้อนอยู่ในห้อง อีกหนึ่งเคล็ดลับคือใช้ความร้อนเท่าที่คุณต้องการ เพื่อความสบาย เพื่อสุขภาพที่ดีและเพื่อความปลอดภัย หากคุณใช้เครื่องทำความร้อนสูงมากและทำให้ห้องร้อนมาก นั่นจะทำให้ค่าไฟของคุณสูงมาก”

ศาสตราจารย์เทสเกอระบุว่า การจะก้าวข้ามเรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพไปสู่การแทรกแซงเพื่อการใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้นยากสำหรับผู้เช่าบ้าน เทียบกับเจ้าของบ้าน

สำหรับผู้ใช้การทำความร้อนด้วยไฟฟ้า การเปลี่ยนมาใช้บริการของบริษัทที่ใช้พลังงานสีเขียวสามารถช่วยลดการปล่อยมลพิษได้เป็นอย่างดีหรือช่วยให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ได้

แต่การทำความร้อนด้วยก๊าซนั้น ไม่มีตัวเลือกที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ

“ผมอยู่ที่ซิดนีย์และมีห้องเช่า เรามีขวดก๊าซ มันจึงเป็นไปได้ที่จะซื้อก๊าซชีวภาพแบบขวด แต่ผมไม่สามารถหาซื้อได้ในซิดนีย์ แต่ในทางทฤษฎีแล้ว เป็นไปได้ที่จะมีก๊าซชีวภาพเป็นแหล่งก๊าซสำหรับระบบทำความร้อน แต่นั่นเป็นทางเลือกที่จำกัด ซึ่งอาจมีแค่ไม่กี่คน ไม่ใช่ทางเลือกสำหรับคนส่วนใหญ่”
A crack on a wall
รอยร้าวบนผนัง Source: Pexels/Emmanuel Correia
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบ้านหรือผู้เช่าบ้าน มีทางเลือกสำหรับทุกคน ในการลดค่าไฟและใช้การกันลม (Draught sealing) คุณเรดดาเวย์กล่าว

การกันลมเป็นหนึ่งในวิธีที่คุ้มค่าที่สุดที่คุณสามารถปรับปรุงบ้านของคุณให้อุ่นในหน้าหนาวและเย็นในหน้าร้อน ปัญหาคือหากคุณมีลมเร็ดลอดผ่านรอยร้าวบริเวณหน้าต่าง ใต้ประตูหรือบริเวณอื่นๆ เช่น หากคุณทำความร้อนบริเวณห้องนั่งเล่น ลมร้อนนั้นจะหายไป อากาศเย็นจะเข้ามา และต้องทำให้อุ่นขึ้นอีกครั้ง”

ไม่ว่าคุณจะเลือกทำความร้อนด้วยวิธีไหน ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก

จากการรายงานของดับเพลิงและกู้ภัยในรัฐนิวเซาท์เวลส์ (Fire and Rescue NSW) พบว่าในเดือนที่อากาศเย็น มีจำนวนบ้านที่เกิดเหตุเพลิงไหม้เพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะบริเวณห้องนอนและห้องนั่งเล่น เนื่องจากเครื่องทำความร้อนและผ้าห่มไฟฟ้า

ทางการออกคำเตือน อย่าใช้เครื่องทำความร้อนกลางแจ้งหรืออุปกรณ์ทำอาหารกลางแจ้งในบริเวณในตัวบ้าน รวมถึง ลูกปัดทำความร้อน ถ่าน หรือก๊าซแอลพีจี (LPG) เป็นแหล่งเชื้อเพลิง และควรตรวจสอบคำแนะนำของผู้ผลิตก่อนใช้งานเสมอ


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share