เมื่อไรออสเตรเลียจะได้วัคซีนโควิดรุ่นใหม่ที่จะเป็น ‘ตัวเปลี่ยนเกม’

Bivalent Covid19 Vaccine

วัคซีนต้านสองสายพันธุ์ชนิดใหม่ที่ถูกมองว่าจะเป็นตัวพลิกสถานการณ์ Source: iStockphoto / Getty Images

ผู้เชี่ยวชาญต่างกล่าวว่า วัคซีนต้านสองสายพันธุ์ ที่รับมือได้ทั้งเชื้อไวรัสต้นกำเนิดของโควิด-19 และเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน อาจเป็น ‘ตัวเปลี่ยนเกม’ และออสเตรเลียอาจได้รับวัคซีนเหล่านี้มาฉีดให้ประชาชนได้ในอีกไม่ช้า


วัคซีนที่ต้านทั้งเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิมและเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านยาของประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา

วัคซีนที่ผลิตโดยบริษัทโมเดอร์นา (Moderna) เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นแบบสองสายพันธุ์ (bivalent booster) ซึ่งกระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสโคโรนาสองสายพันธุ์

นี่มีความหมายอย่างไรสำหรับออสเตรเลีย? อีกนานแค่ไหนที่เราจะเห็นการเริ่มฉีดวัคซีนนี้ให้แก่ประชาชนที่นี่?

กด ▶ เพื่อฟังรายงาน
thai_180822_Bivalent COVID vaccine image

เมื่อไรออสเตรเลียจะได้วัคซีนโควิดรุ่นใหม่ที่จะเป็น ‘ตัวเปลี่ยนเกม’

SBS Thai

19/08/202208:30
ศาสตราจารย์โทนี คันนิงแฮม ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยไวรัสแห่งมหาวิทยาลัยซิดนีย์ กล่าวว่า วัคซีนใหม่นี้อาจเป็น ‘ตัวเปลี่ยนเกม’ หรือเป็นสิ่งที่พลิกสถานการณ์ได้

"สิ่งนี้เรียกว่าวัคซีนสองสายพันธุ์ (bivalent vaccine) เพราะประกอบด้วยตัวอย่างจากเชื้อตระกูลดั้งเดิม และจากสายพันธุ์ที่แยกออกมาของเชื้อไวรัส ซึ่งก็คือเชื้อตระกูลโอมิครอน และเนื่องจากมันผลิตแอนติบอดีในระดับที่สูงกว่าต่อโอมิครอน มันจึงมีแนวโน้มที่จะปกป้องได้ดีกว่าสำหรับการเกิดโรคที่ไม่รุนแรง และวัคซีนเหล่านี้ทั้งหมดให้การป้องกันได้อย่างดีไม่ให้เกิดโรคร้ายแรง" ศาสตราจารย์โทนี คันนิงแฮม กล่าว

วัคซีนสองสายพันธุ์ (bivalent vaccine) นี้มีการทำงานอย่างไร?

ในแต่ละโดสของวัคซีน ครึ่งหนึ่งหรือ 25 ไมโครกรัม พุ่งเป้าไปยังเชื้อสายพันธุ์ดั้งเดิม และอีกครึ่งหนึ่งพุ่งเป้าไปยังเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน
มันจึงรวมทั้งสิ่งที่เราเรียกว่าไวรัสบรรพบุรุษ คือโปรตีนหนามจากไวรัสบรรพบุรุษ รวมทั้งมีโปรตีนหนามจากเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนดั้งเดิม นั่นคือบีเอ.1 (BA.1)
ดร.แดเนียล เลย์ตัน
ดร.แดเนียล เลย์ตัน เป็นนักวิทยาศาสตร์อาวุโสของ CSIRO (Commonwealth Scientific and Industrial Research Organisation หรือองค์กรวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งเครือรัฐ)

เขากล่าวว่า วัคซีนสองสายพันธุ์สามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าวัคซีนก่อนหน้านี้

"สิ่งที่เราได้เห็นในข้อมูลการวิจัยในคนคือการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน โดยเฉพาะเชื้อสายพันธุ์บีเอ.1 แอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ (neutralising antibodies) นั้นสูงกว่าวัคซีนก่อนหน้านี้ถึงแปดเท่า นั่นจึงหมายความว่าจะมีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันและการป้องกันที่ดีขึ้นสำหรับผู้คนเมื่อติดเชื้อสายพันธุ์ย่อยก่อนหน้านี้ของโอมิครอน แต่ก็มีการทดสอบวัคซีนต่อเชื้อสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนตัวล่าสุด บีเอ 4 และ บีเอ 5 วัคซีนเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นว่าช่วยลดผลกระทบจากเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งยังคงสูงกว่าวัคซีนก่อนหน้านี้ 1.69 เท่า ดังนั้นจึงยังมีข้อได้เปรียบต่อการต้านเชื้อสายพันธุ์ที่แพร่กระจายอยู่ในปัจจุบัน" ดร.แดเนียล เลย์ตัน กล่าว
แต่การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ยังไม่สิ้นสุดลง

ในเดือนกรกฎาคม กระทรวงสาธารณสุข ประกาศว่า BA.5 ได้กลายเป็นเชื้อสายพันธุ์หลักที่ระบาดในออสเตรเลีย ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่ง (46.4 เปอร์เซ็นต์) ของการติดเชื้อทั้งหมด

จากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดที่อยู่ในระดับสูงทั่วโลก ดร.เลย์ตันกล่าวว่าจำนวนของเชื้อสายพันธุ์ต่างๆ ที่เราพบยังคงสูงอยู่

"ดังนั้นสำหรับผู้ผลิตวัคซีนนี่จะความหมายว่า พวกเขาจะยังคงตามหลังเชื้ออยู่เสมอและต้องพบความยากลำบากที่จะตามพวกมันให้ทัน ผมเดาว่าเมื่อเราควบคุมการระบาดใหญ่ได้ คือเมื่อประชากรทั่วโลกเริ่มมีภูมิคุ้มกันในระดับพื้นฐาน ซึ่งสามารถเริ่มป้องกันการติดเชื้อได้มากขึ้น เมื่อนั้นเราก็จะไม่มีการระบาดใหญ่อีกต่อไป จากนั้นจำนวนเชื้อสายพันธุ์ใหม่ๆ เหล่านั้นก็จะลดลง นั่นจะเป็นช่วงที่เราอาจสามารถเริ่มแซงหน้าเชื้อไวรัส" ดร.เลย์ตัน กล่าว

ออสเตรเลียอาจได้รับวัคซีนใหม่นี้มาฉีดให้ประชาชนได้ในอีกไม่นานนี้

ดร.เลย์ตันกล่าวว่าการอนุมัติวัคซีนเหล่านี้ในอังกฤษเป็นแรงจูงใจให้ออสเตรเลียปฏิบัติตาม

"ในออสเตรเลีย ทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นาได้รับการอนุญาตชั่วคราวสำหรับวัคซีนสองสายพันธุ์เหล่านี้แล้ว สิ่งที่เรียกว่าการกำหนดชั่วคราวหมายความว่าผู้ยื่นคำขอมีเวลาหกเดือนในการยื่นขออนุมัติชั่วคราวจากองค์กรที่มีอำนาจในตลาด ดังนั้น ในออสเตรเลีย คาดว่าเราจะได้เห็นสองบริษัทนี้ยื่นขออนุมัติสำหรับวัคซีนนี้ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า" ดร.เลย์ตัน กล่าว
เมื่อไรที่เราจะเริ่มเห็นการฉีดวัคซีนเหล่านี้ให้ประชาชนในออสเตรเลีย?

ศาสตราจารย์โทนี คันนิงแฮม แห่งมหาวิทยาลัยซิดนีย์กล่าวว่า จะต้องใช้เวลา 100 วันในการผลิตวัคซีนชนิดใหม่นี้

และนั่นเป็นขีดจำกัดโดยทั่วไปที่หน่วยงานที่ปรึกษาด้านวัคซีนและองค์การอนามัยโลกได้ยึดเป็นแนวทางปฏิบัติ

โมเดอร์นา กล่าวว่า บริษัทสามารถผลิตวัคซีนได้ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว เช่นเดียวกันกับบริษัทไฟเซอร์

สำหรับการเริ่มฉีดให้ประชาชนนั้น ศ.คันนิงแฮมกล่าวว่าขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ

"ในออสเตรเลีย มีกระบวนการสองขั้นตอน คือ ทีจีเอ (คณะกรรมาธิการควบคุมดูแลผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพของออสเตรเลีย Therapeutic Goods Administration) จะพิจารณาความปลอดภัยและแง่มุมอื่น ๆ ของวัคซีนอย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนชาวออสเตรเลียได้รับการปกป้อง และ ATAGI (กลุ่มที่ปรึกษาด้านเทคนิคเกี่ยวกับการสร้างภูมิคุ้มกันโรคแห่งออสเตรเลีย Australian Technical Advisory Group on Immunisation) ออกคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการใช้วัคซีน จากนั้น รัฐบาลซึ่งได้รับคำแนะนำจากคณะกรรมการจะตัดสินใจว่าจะซื้อและนำวัคซีนไปฉีดหรือไม่" ศ.คันนิงแฮม อธิบาย

เขากล่าวว่าวัคซีนแบบสองสายพันธุ์นี้ จะเปิดพรมแดนใหม่สำหรับอนาคตของวิทยาศาสตร์

"มันเป็นตัวเปลี่ยนเกม กี่สายพันธุ์ที่เราจะทำได้ เราจะสร้างวัคซีนสามสายพันธุ์ได้ไหม จะสร้างวัคซีนที่ต้านทั้งไข้หวัดใหญ่และโควิดในเข็มเดียวได้ไหม และผมคิดว่าเราอาจจะได้เห็นตัวอย่างเหล่านี้ในอนาคตเช่นกัน ใช่มันเป็นก้าวย่างต่อไปข้างหน้าอย่างไม่ต้องสงสัยเลย" ศ. คันนิงแฮม ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยไวรัสแห่งมหาวิทยาลัยซิดนีย์ กล่าว
————————————————————————————————————————————————
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 


Share