คุณมีสิทธิในการได้รับบริการจากสถานดูแลคนชราอย่างไร

senior woman.jpg

The Charter of Aged Care Rights (the Charter) is a requirement of the Aged Care Act 1997, and its latest version came into effect in 2019. Credit: Getty Images/ThanasisZovoilis

ในออสเตรเลียมีสิทธิถึง 14 ประการที่จะช่วยให้บุคคลได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลในเรื่องการให้การบริการดูแลคนชรา ไม่ว่าจะเป็นการพักอาศัยที่บ้านหรือการหาที่พักในสถานดูแลคนชรา แต่ถ้าคุณมีปัญหาในเรื่องบริการที่ได้รับ คุณจะมีทางแก้อย่างไร


ประเด็นสำคัญ
  • สิทธิที่คุณได้รับบริการการดูแลผู้สูงอายุการคุ้มครองในออสเตรเลียคุ้มครองในการให้บริการของรัฐทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการรับบริการจากบ้านของคุณหรือจากสถานบริการดูแลผู้สูงอายุ
  • สามารถส่งข้อร้องเรียนของคุณเกี่ยวกับการให้บริการผู้สูงอายุเพื่อการดำเนินการ ประสานงานตามกฎหมายได้ที่คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง
  • ข้อแนะนำเบื้องต้นคือหารือและแจ้งความประสงค์ของคุณกับผู้ให้บริการดูแลผู้สูงอายุของคุณก่อน
ข้อหมายที่ว่าด้วยการปกป้องผู้บริโภคในการรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลในการรับบริการการดูแลผู้สูงอายุ ได้มีการสรุปไว้ในกฎบัตรสิทธิว่าด้วยการดูแลผู้สูงอายุ ที่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติการดูแลผู้สูงอายุ ปี 1997

จาก 2 ใน 14 ข้อว่าด้วยสิทธิในการได้รับการดูแลผู้สูงอายุที่อยู่ในกฎบัตรนั้นได้รวมไปถึงสิทธิว่าด้วยการได้รับการดูแลด้วยความเคารพและให้เกียรติ และความพึงพอใจในการได้รับการบริการการดูแลที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน

ส่วนสิทธิควรรู้อีกประการหนึ่งคือสิทธิในการร้องทุกข์ที่ปราศจากตอบโต้และได้รับการดูแลเรื่องนี้อย่างยุติธรรมและทันท่วงที

คุณ เจเนต แอนเดอร์สัน กรรมาธิการการดูแลมาตรฐานและความปลอดภัยของระบบการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นผู้ออกกฏที่เกี่ยวข้องกับการบริการในสถานดูแลผู้สูงอายุของรัฐบาล เธอเปิดเผยว่าคณะกรรมาธิการจะเข้าไปตรวจสอบการทำงานของสถานให้บริการดูแลผู้สูงอายุว่าเป็นไปตามมาตรฐานไหม
elderly hands on walker.jpg
Having your identity, culture and diversity valued and supported is one of the fundamental 14 aged care rights recognised in the Charter. Credit: Getty Images/Jasmin Merdan
สิ่งที่คณะกรรมาธิการเข้าไปตรวจสอบเช่น :
  • พวกเขาดูแลผู้สูงอายุด้วยความเคารพและให้เกียรติไหม
  • พวกเขาฟังเสียงของผู้คนเหล่านั้นในการตัดสินใจในเรื่องการให้บริการหรือเปล่า
  • สถานบริการนั้นปลอดภัยและได้มาตรฐานแค่ไหน พวกเขาปรับใช้การบริการเพื่อตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลหรือไม่
  • พวกเขามีการจัดการความเสี่ยงในเรื่องสุขภาพและสวัสดิภาพดีแค่ไหน
  • พวกเขามีพนักงานเพียงพอไหม
  • และสิ่งแวดล้อมในการอยู่อาศัยเหมาะสมกับการดูแลคนชราได้รับการใส่ใจดูแลดีหรือไม่ เพียงไร

เมื่อคุณมีปัญหาจะติดต่อใคร

คุณ เจเนต แอนเดอร์สัน กรรมาธิการการดูแลมาตรฐานและความปลอดภัยของระบบการดูแลผู้สูงอายุ เปิดเผยว่า ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการแจ้งให้ทางผู้ให้บริการสถานดูแลคนชราทราบก่อน เธอแนะนำว่า

"ถ้าพวกเขามีความเป็นห่วงไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดเกี่ยวกับการบริการของพวกเขา ทางที่ดีที่สุดคือพูดคุยกับสถานบริการ แต่มันก็มีเหตุผลหลายประการที่คุณอาจไม่สบายใจที่จะพูดคุยกับพวกเขาโดยตรง และถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เราก็เต็มใจให้ความช่วยเหลือ”
male nurse with senior.jpg
Being informed about the care and services you receive in a way you understand is a responsibility of the provider. Credit: Getty Images/Klaus Vedfel
ส่วนเครือข่ายตัวแทนผู้สูงอายุ หรือ The Older Persons Advocacy Network (OPAN) เป็นองค์กรที่ให้บริการข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์แก่ผู้สูงอายุทั่วออสเตรเลียโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย คุณ เครก เกียร์ ประธารกรรมการฝ่ายบริหารของ OPAN ให้ข้อมูลว่า

"ถึงแม้ว่าเราได้รับเงินอุดหนุนจากกระทรวงสาธารณสุขและการดูแลผู้สูงอายุ แต่เราก็เป็นองค์กรอิสระที่ไม่ได้ขึ้นกับรัฐบาลหรือกับผู้ให้บริการสถานดูแลคนชรา และนี่มันก็หมายถึงว่าเราสามารถรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบการดูแลคนชราต่อรัฐบาล และสามารถให้ความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาที่ผู้สูงอายุมีต่อกับสถานให้บริการของตน"

ในปัจจุบันมีตัวแทนของ OPAN กว่า 200 คนทั่วประเทศที่ทำงานช่วยเหลือผู้สูงอายุ  คุณ เครก เกียร์ กล่าวว่า
"ตัวแทนเหล่านี้ทำงานในการเป็นตัวแทนของผู้สูงอายุ แต่เราเข้าใจว่าบางครั้งผู้สูงอายุก็ต้องเข้ามาหาเรากับเพื่อนหรือครอบครัวเมื่อพวกเขาเหล่านั้นสังเกตเห็นถึงความไม่ปกติบางประการ เราก็ทำงานร่วมกับพวกเขาด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้วเราจะพูดคุยกับเจ้าตัวโดยตรง และถ้าเป็นผู้สูงอายุที่มาจากชุมชนหลากภาษาและวัฒนธรรมแล้ว เราจะมีบริการนักแปลให้ด้วย”
man with laptop.jpg
If you receive subsidised aged care services in Australia, you have the right to an aged care advocate. Credit: Getty Images/Yoshiyoshi Hirokawa

สิทธิที่คุณควรทราบ

ศาสตรจารย์ โจเซฟ อิบราฮิม แพทย์ผู้ดูแลคนชราและหัวหน้าคณะวิจัยเรื่องสุขภาพและการดูแลคนชราจากมหาวิทยาลัย โมนาช กล่าวว่า

ผู้ที่อาศัยในสถานบริการดูแลคนชราส่วนใหญ่จะเกิดการลังเลที่จะเรียกร้องสิทธิของตน เนื่องจากเกรงว่าจะถูกมองว่าเป็นตัวสร้างปัญหา ส่วนญาติๆ ก็จะเกิดความกังวลว่าจะมีการต่อต้านจากพนักงานในสถานบริการ ส่วนผู้ที่มาจากชุมชนหลากภาษาและวัฒนธรรมก็จะมีอุปสรรคเรื่องภาษาเพิ่มขึ้นมาอีก ศาสตรจารย์ โจเซฟ อิบราฮิม อธิบายว่า

"บ่อยครั้งที่เกิดความยากลำบากกับการร้องทุกข์ ที่คุณอาจจะไม่สามารถสื่อสารอย่างมั่นใจเกี่ยวกับข้อเรียกร้องนั้นได้ และบ่อยครั้งที่ผู้คนก็ไม่จริงจังกับความกังวลของคุณ เพียงเพราะว่าสำเนียงของคุณหรือการใช้คำศัพท์ต่างๆ ซึ่งมันทำให้เกิดความยากในแง่ของการทำความเข้าใจระหว่างวัฒนธรรม”

คุณ เกียร์ อธิบายว่ากฎบัตรสิทธิว่าด้วยการดูแลผู้สูงอายุยังคุ้มครองผู้สูงอายุในการมีสิทธิได้รับข้อมูลข่าวสารช่องทางที่พวกเขาสามารถเข้าใจได้ สิทธินี้บังคับใช้ในการบริการทั้งหมดของสถานดูแลคนชราของรัฐบาล คุณ เกียร์ กล่าวว่า

"สิทธินี้รวมไปถึงโครงการการให้ความช่วยเหลือจากที่บ้านของคอมมอนเวลส์ หรือ  the Commonwealth Home Support Program, the Home Care Packages  การให้การบริการดูแลผู้สูงอายุแบบยืดหยุ่นได้ ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูแบบระยะสั้นหรือการพักอาศัยในสถานบริการดูแลคนชรา และการเข้าพักแบบชั่วคราว คุณควรตระหนักว่าคุณได้รับสิทธิในการตัดสินใจอย่างเป็นอิสระ สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลในช่องทางที่คุณสามารถเข้าใจได้และมันหมายถึงว่าสิทธิที่คุณสามารถใช้บริการนักแปลหรือ การแปลภาษา หรืออุปการณ์ช่วยสื่อสารต่างๆ”

nursing home food.jpg
Not being offered culturally appropriate food choices as a nursing home resident is a valid concern that can be raised with the provider, says Mr Gear. Credit: Getty Images/Richard Bailey

จะร้องทุกข์หรือเรียกร้องสิทธิของคุณอย่างไร

คุณแอนเดอร์สัน คณะกรรมาธิการ ชี้ว่า คุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ได้รับบริการเท่านั้น ถึงจะร้องทุกข์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริการสถานดูแลคนชราได้ เขาย้ำว่า

"บุคคลที่ได้รับการบริการสามารถร้องทุกข์เกี่ยวกับการดูแล เช่นเดียวกับสมาชิกครอบครัว ญาติพี่น้อง หรือแม้กระทั่งพนักงานสถานบริการเอง ก็สามารถส่งคำร้องทุกข์มาที่คณะกรรมธิการได้"

เมื่อคณะกรรมาธิการดูแลมาตรฐานและความปลอดภัยของระบบการดูแลผู้สูงอายุ ได้รับข้อเรียกร้องนั้นๆแล้วคณะกรรมาธิการก็จะประสานงานไปยังทั้งผู้ให้บริการและผู้ที่ร้องทุกข์ นอกเสียจากว่าข้อเรียกร้องนั้นมาจากผู้ที่ไม่ประสงค์ออกนาม

คุณ เจเนท แอนเดอร์สัน เปิดเผยว่า เมื่อข้อเรียกร้องนั้นไม่ได้รับการแก้ไข คณะกรรมาธิการอาจจะต้องใช้อำนาจที่มีในขอบเขตบังคับใช้แต่บางเรื่องก็อยู่นอกเหนือความรับผิดชอบขององค์กร เธอชี้ว่า

"เราไม่ได้ให้บริการด้านกฎหมายและไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ  ถ้าบุคคลใดต้องการคำปรึกษาในเรื่องที่สถานให้บริการควรทำในเรื่องการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ คุณควรไปปรึกษาแพทย์ และอีกประการหนึ่งคือเราไม่ดำเนินการสอบสวนการเสียชีวิตซึ่งเรื่องนี้เป็นการรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพ และเราไม่ได้รับผิอดชอบเกี่ยวกับเรื่องพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเดือน หรือสวัสดิการต่างๆ ของการจ้างงาน"  คุณ แอนเดอร์สัน ชี้แจง

ส่วน ศาสตรจารย์ อับราฮิม ให้คำแนะนำว่า ควรจะมีการพูดคุยเรื่องความกังวลของคุณแต่เนิ่นๆ เพราะว่าความคับข้องใจของคุณจะถูกแก้โดยง่าย หากทั้งสองฝ่ายสามารถพูดคุยตกลงเกี่ยวกับความต้องการนั้น ๆ ก่อนที่เรื่องร้องทุกข์นั้นจะถูกดำเนินการ


แต่ถ้าความต้องการของคุณยังไม่ได้รับการแก้ไข ทางออกคือการร้องเรียนเพื่อที่จะทำให้คุณแน่ใจว่าคุณยังเปิดช่องทางในการสื่อสารระหว่างกันและเพื่อเป็นการเก็บหลักฐานไว้ด้วย
เขามีแนะนำว่า:
  • เลือกคนที่คุณไว้วางใจในครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน คนที่คุณรู้ว่าเขาสงบและสุภาพในการเจรจา เพื่อที่คุณต้องการให้เขาทำให้ความต้องการของคุณถูกส่งต่อ
  • เก็บหลักฐานในสิ่งที่เกิดขึ้น คุณควรบันทึกในแต่ละขั้นตอนในการเรียกร้องและการจัดการกับข้องเรียกร้องอย่างไรไว้ด้วย
  • ควรจะเปิดใจรับฟังอีกฝั่งหนึ่งด้วย

คุณจะติดต่อหน่วยงานช่วยเหลือเกี่ยวกับการบริการสถานดูแลคนชราได้ที่ไหน

  • ถ้าคุณต้องการพูดคุยกับตัวแทนช่วยเหลือด้านการให้บริการการดูแลผู้สูงอายุ คุณสามารถโทรไปโดยไม่เสียค่าบริการได้ที่
  • หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ the

ติดต่อกรรมาธิการการดูแลมาตรฐานและความปลอดภัยของระบบการดูแลผู้สูงอายุได้ที่

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 


Share