คาดคนจะตกงานอีกมากจากล็อกดาวน์ในวิกตอเรีย

Unemployment

Source: Getty

คาดว่าจะมีการเลิกจ้างงานเพิ่มขึ้นในรัฐวิกตอเรีย หลังรัฐเข้าสู่การล็อกดาวน์ระดับ 3 เป็นครั้งที่สอง ขณะผู้เชี่ยวชาญต่างกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับรัฐอื่นๆ ที่จะเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศและพยุงตลาดแรงงาน


คาดว่าจะมีการเลิกจ้างงานเพิ่มขึ้นในรัฐวิกตอเรีย หลังรัฐเข้าสู่การล็อกดาวน์ระดับ 3 เป็นครั้งที่สอง ขณะที่งานหลายหมื่นตำแหน่งหดหายไปในอุตสาหกรรมการให้บริการต้อนรับ อุตสาหกรรมด้านการศึกษา และศิลปะ ผู้เชี่ยวชาญต่างกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับรัฐอื่นๆ ที่จะเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศ และพยุงตลาดแรงงานในวิกตอเรีย

กดปุ่ม 🔊ที่ภาพด้านบนเพื่อฟังรายงานข่าว

เป็นเวลาหกปีครึ่งที่คุณแดช จายาสุริยา สอนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยวิกตอเรีย เมื่อโควิด-19 ปิดพรมแดน เธอเป็นหนึ่งในลูกจ้างกลุ่มแรกในที่ทำงานของเธอที่ถูกเลิกจ้าง

“มันเกิดขึ้นอย่างไม่ปรานีเลย เราถูกให้ออกจากงาน ไม่มีการเจรจาต่อรอง ไม่มีการขอคำปรึกษา มันเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างน่ากลัวและน่าวิตก ที่ทำให้ฉันถึงกับร้องไห้เลยทีเดียว” คุณจายาสุริยา กล่าว

เธอตัดสินใจหันหลังให้กับอุตสาหกรรมด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาโดยสิ้นเชิง และมาเป็นครูมัธยมศึกษาเช่นเดียวกับคู่ครองของเธอ

“ฉันเคยมีแผน ซึ่งเป็นแผนสำหรับอีกสิบปีข้างหน้าในชีวิตฉัน และงานนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของแผนดังกล่าว” คุณจายาสุริยา เล่า

เธอกล่าวว่า เธอเป็นคนหนึ่งที่ถือว่าโชคดี เพราะเธอยังมีวุฒิการศึกษาที่สามารถนำมาใช้หางานด้านอื่นได้

คุณอลิสัน บาร์นส์ จากสหภาพการศึกษาอุดมศึกษาแห่งชาติ กล่าวว่า ลูกจ้างจำนวนมากไม่โชคดีเช่นนั้น

“ฉันได้ยินมาว่าคนที่เคยสอนหนังสือ แต่ตอนนี้ต้องส่งหนังสือพิมพ์และใบปลิวโฆษณาตามตู้จดหมายหน้าบ้าน ผู้คนกำลังต้องดิ้นรนเพื่อให้ได้งานอะไรก็ได้ทำ” คุณบาร์นส์ กล่าว            

การสูญเสียรายได้ที่คาดว่าจะมีมูลค่า 4.6 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้แค่ปีเดียว ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการไม่มีนักเรียนต่างชาติ ทำให้คาดกันว่าอย่างต่ำจะมีการเลิกจ้าง 21,000 ตำแหน่ง

คุณบาร์นส์ คาดว่า จะมีการเลิกจ้างมากกว่านั้นทั่วทั้งภาคอุตสาหกรรมการศึกษาระดับอุดมศึกษา    

“เราคาดว่าอาจมีผู้คนราว 30,000 คนในอุตสาหกรรมการศึกษาอุดมศึกษาที่ฉันทำงานด้วย ที่ต้องตกงานทั่วประเทศ นั่นจะเป็นลูกจ้าง 30,000 คนที่ต้องไปยืนเข้าแถวรอรับเงินผู้ว่างงานเป็นเวลา 6-12 เดือนข้างหน้า” คุณบาร์นส์ ระบุ
ศูนย์ทรัพยากรเพื่อผู้ขอลี้ภัย Asylum Seeker Resource Centre หรือ เอเอสอาร์ซี ได้แจกอาหารสดหลายร้อยถุงให้แก่ประชาชนที่ถือวีซ่าชั่วคราวในแต่ละสัปดาห์

คุณจายา ฟาเวโร ของเอเอสอาร์ซี กล่าวว่า ร้อยละ 90 ของผู้ที่มาขอความช่วยเหลือจากศูนย์เป็นผู้ที่ตกงาน เพราะโควิด

“พวกเขาเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่มา 5-10 ปี ผู้ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างสร้างชีวิตใหม่หลังขอลี้ภัย พวกเขายังคงอยู่ในกระบวนการขอลี้ภัย ชีวิตของพวกเขายังคงหาความแน่นอนไม่ได้ แต่อย่างน้อย พวกเขาก็เคยมีความมั่นคงเกี่ยวกับงาน แต่ตอนนี้ เมื่อมีโควิด และพวกเขาก็ไม่มีงานทำอีกต่อไป” คุณฟาเวโร ยกตัวอย่าง

ผู้ที่ถือวีซ่าคุ้มครองชั่วคราว และผู้ถือวีซ่าชั่วคราวอื่นๆ ส่วนใหญ่ ไม่สามารถเข้าถึงเงินสวัสดิการสังคมจ๊อบซีกเกอร์ (JobSeeker) สำหรับผู้ว่างงาน หรือเงินอุดหนุนค่าจ้างจ๊อบคีพเปอร์ (JobKeeper) ได้

คุณฟาเวโร กล่าวว่า นี่ทำให้คนกลุ่มนี้มีความเปราะบางเป็นพิเศษ เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือใดๆ ได้หากตกที่นั่งลำบาก

สถิติล่าสุดของรัฐวิกตอเรียพบว่า มีการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6.9 ซึ่งต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยของทั้งประเทศที่ร้อยละ 7.1

ขณะที่รัฐอื่นๆ เริ่มการฟื้นฟูเศรษฐกิจของตนแล้ว แต่รัฐวิกตอเรียต้องรอต่อไปอีกจนกว่าจะสิ้นสุดการล็อกดาวน์รอบสอง ที่กำหนดไว้ 6 สัปดาห์ในเบื้องต้น

ดร.อลัน มอนตากิว ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรมนุษย์ ของมหาวิทยาลัย อาร์-เอ็ม-ไอ-ที กล่าวว่า ขณะที่รัฐวิกตอเรียยังคงอยู่ในภาวะล็อกดาวน์ต่อไป รัฐอื่นๆ จำเป็นต้องช่วยกันพยุงเศรษฐกิจของประเทศ

“เราจะต้องไล่ตามให้ทันคนอื่นในสถานการณ์นี้ ซึ่งขณะนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่พื้นที่อื่นๆ ที่เหลือของออสเตรเลียจำเป็นต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยนโยบายที่ชาญฉลาด” ดร.มอนตากิว กล่าว
สถิติการว่างงานในหมู่เยาวชน ยังเพิ่มขึ้นเป็นกว่าร้อยละ 16 ทั่วประเทศ ขณะที่อัตราการว่างงานของเยาวชนในรัฐวิกตอเรียอยู่ที่ร้อยละ 14

การศึกษาวิจัยของสถาบันแกรตแทน ชี้ว่า คนหนุ่มสาวราวร้อยละ 30-40 มีแนวโน้มว่าจะตกงานในช่วงการระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโคโรนา เยาวชนจำนวนมากต้องเผชิญกับผลกระทบอย่างต่อเนื่องต่อรายได้และโอกาสในการทำงานของพวกเขาต่อไปเป็นเวลาหลายปีข้างหน้า

คุณคอนนี เลนเนเบิร์ก ผู้อำนวยการบริหารขององค์กรการกุศล บราเธอร์ฮูด ออฟ เซนต์ ลอเรนซ์ กล่าวว่า ตลาดงานสำหรับคนอายุน้อยยังไม่ฟื้นตัวดีจากวิกฤตการเงินโลกก่อนหน้านี้ แต่ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักอีกครั้งจากโควิด-19

“ในเดือนพฤษภาคมแค่เดือนเดียว งานกว่า 100,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นงานสำหรับคนอายุ 15-24 ปี ถูกเลิกจ้างไป ดังนั้น จำนวนคนอายุน้อยที่ว่างงานในระยะยาวจะเพิ่มสูงขึ้น” คุณเลนเนเบิร์ก ให้ข้อมูล

รีอาน์นอน โจนส์ วัย 20 ปี ดำรงชีพอยู่ได้ด้วยเงินสวัสดิการผู้หางาน จ๊อบซีกเกอร์ มานานสองเดือน หลังถูกเลิกจ้างในอุตสาหกรรมด้านการให้บริการแก่ผู้พิการทุกพลภาพ

เธออยู่ในอาชีพที่เธอหวังจะพัฒนาต่อไปเป็นงานประจำเต็มเวลาในอนาคต แต่ตอนนี้ เธอต้องสมัครงานตามร้านซูเปอร์มาร์เก็ตและงานทำความสะอาด เพื่อหาเงินไปจ่ายค่าเช่าบ้าน

เธอกล่าวว่า แม้เธอจะส่งใบสมัครไปหลายสิบงาน แต่เพราะอายุที่ยังน้อยและการขาดประสบการณ์การทำงานของเธอ ทำให้ยากที่จะแข่งขันได้ในตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันสูง

“หากคุณดูเรซูเมของฉันเทียบกับคนที่อายุมากกว่า 20 ปี และพวกเรากำลังมองหาจุดมุ่งหมายทางอาชีพอย่างเดียวกัน คุณคงจะไม่เลือกฉัน ใช่ไหมล่ะ” รีอาน์นอน กล่าว

เธอบอกอีกว่า เธอรู้สึกหวาดหวั่นกับเส้นตายในเดือนกันยายน ที่คาดว่าเงินช่วยเหลือผู้หางานจ๊อบซีกเกอร์ ซึ่งขณะนี้ได้รับการเพิ่มจำนวนให้เป็นพิเศษ จะลดลงไปเป็นเหมือนเดิม

เมื่อเงินสวัสดิการนี้กลับไปอยู่ในระดับก่อนโควิด รีอาน์นอน จะถูกลดเงินสวัสดิการไปกว่าครึ่ง โดยเงินสวัสดิการของเธอจะลดลง 550 ดอลลาร์ต่อสองสัปดาห์ ส่งผลให้เธอมีเงินน้อยลงที่จะประทังชีวิตในช่วงเวลาที่โอกาสในตลาดแรงงานลดลงเรื่อยๆ


ประชาชนในออสเตรเลียต้องอยู่ห่างกับผู้อื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร คุณสามารถตรวจดูว่ามีข้อจำกัดใดบ้างที่บังคับใช้อยู่ในรัฐและมณฑลของคุณ 

การตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาขณะนี้สามารถทำได้ทั่วออสเตรเลีย หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080

รัฐบาลสหพันธรัฐออสเตรเลียยังได้มีแอปพลิเคชัน COVIDSafe เพื่อติดตามและแจ้งเตือนผู้ที่พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้จากแอปสโตร์ (app store) สำหรับโทรศัพท์มือถือของคุณ อ่านเกี่ยวกับแอปพลิเคชันนี้ 

คุณสามารถอ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นภาษาไทยได้

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 



Share